สังคมเอียงขวากับการพัฒนาประชาธิปไตยประสบการณ์จากญี่ปุ่น

ในบทความชิ้นก่อน ผู้เขียนได้กล่าวถึงแนวคิดอนุรักษนิยมของญี่ปุ่นที่มีความเข้มข้นขึ้นภายใต้การบริหารประเทศของรัฐบาล พรรคเสรีประชาธิปไตย ที่ครองอำนาจมาอย่างยาวนาน ในบทความนี้ก่อนที่จะพาผู้อ่านไปรู้จักกับสังคมอนุรักษ์ของญี่ปุ่น ผู้เขียนจะขอนิยามความหมายของสังคมอนุรักษนิยมเพื่อสร้างความเข้าใจที่ตรงกันเสียก่อน แนวคิดอนุรักษ์ หรือขวา ในที่นี้หมายถึงความนิยมในวัฒนธรรม ศีลธรรม เน้นระเบียบวินัย เน้นการใช้อำนาจบังคับ นิยมชมชอบชนชั้นสูงและขุนนาง มีลักษณะชาตินิยมในเชิงลบสุดขั้ว ให้คุณค่ากับกลุ่มคนหรือชุมชนมากกว่าปัจเจก ต่อต้านความเปลี่ยนแปลงและมุ่งรักษาค่านิยมดั้งเดิมของสังคมเอาไว้ โดยความหมายของมันแล้วอนุรักษนิยมดูจะเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตยแบบเสรีอยู่มิใช่น้อย ในกรณีของประเทศญี่ปุ่นนั้นทั้งสังคมและการเมืองของญี่ปุ่นล้วนฉายให้เห็นภาพของความอนุรักษ์ที่เข้มข้น จุดเริ่มต้นของแนวคิดอนุรักษนิยมญี่ปุ่นสมัยใหม่เป็นผลมาจากแนวคิดชาตินิยมสุดโต่งแบบญี่ปุ่นในช่วงจักรวรรดิญี่ปุ่นออกล่าอาณานิคมเพื่อหาแหล่งทรัพยากรใหม่ๆ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นอกจากกองทัพแล้วคนญี่ปุ่นและรัฐบาลยังสนับสนุนแนวคิดของกองทัพที่รู้สึกว่าชนชาติของตนเองมีวิญญาณนักรบ มีความเหนือกว่าชนชาติอื่นๆ ในโลก[1] คล้ายกับชาตินิยมสุดโต่งของนาซีเยอรมันที่เชื่อว่าชาวอารยันคือชนเผ่าที่ดีกว่าชนเผ่าอื่นๆ ในกรณีของญี่ปุ่นนำไปสู่การบุกรุกจีนจนเกิดโศกนาฎกรรมนานกิง รวมถึงการบุกรุกฟิลิปปินส์ สิงคโปร์และเกาหลี ซึ่งการล่าอาณานิคมของจักรวรรดิญี่ปุ่นก็ยุติลงเมื่อญี่ปุ่นพ่ายแพ้ต่อสหรัฐอเมริกานำมาสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และการเข้ามามีอิทธิพลในญี่ปุ่นของสหรัฐฯ และทำให้ญี่ปุ่นไม่สามารถมีกองทัพประจำการได้อีกต่อไป อย่างไรก็ตามรากฐานความคิดชาตินิยมของญี่ปุ่นไม่ได้หายไปด้วยแต่ยังคงฝังรากลึกอยู่ในสังคมและการเมืองญี่ปุ่น แนวคิดอนุรักษนิยมทางการเมืองของญี่ปุ่นปรากฏอย่างชัดเจนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2498 ระบอบการเมืองของญี่ปุ่นมีความเปลี่ยนแปลงน้อย มีการเปลี่ยนพรรคการเมืองหลักในรัฐบาลเพียงแค่ 4 ครั้ง และไม่มีการเปลี่ยนแปลงพรรคการเมืองหลักในช่วงปี พ.ศ. 2498 – 2536 เลย[2]  ซึ่งพรรคการเมืองหลักที่เป็นพรรครัฐบาลมาอย่างยาวนานในประวัติศาสตร์การเมืองญี่ปุ่นคือพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ซึ่งเป็นพรรคที่มีแนวคิดทางการเมืองแบบเอียงขวามาทางอนุรักษนิยม ตัวอย่างเช่น ในการออกฎหมายที่สนับสนุนการสมรสเท่าเทียมของกลุ่มเพศหลากหลาย ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ สนับสนุนการออกกฎหมายดังกล่าว แต่พรรค LDP ยืนกรานที่จะไม่สนับสนุนข้อกฎหมายนี้[3] นอกจากนี้ยังมีนโยบายหรือการแสดงออกจากรัฐบาลพรรค