เมื่อคนรุ่นใหม่และคนจน เลือกผู้นำการเมืองฝ่ายซ้ายเป็นประธานาธิบดีในบราซิล

ย้อนกลับไป 20 ปีก่อน โลกเผชิญกับความเหลื่อมล้ำมหาศาลจากการขยายตัวของลัทธิเสรีนิยมใหม่ นับจากช่วง 1970-1980 อำนาจของกลุ่มทุนขยายตัวเพิ่มมากขึ้น พร้อมกับอำนาจของประชาชนที่ถูกจำกัดน้อยลง กลุ่มชนชั้นนำพร่ำบอกว่าโลกนี้ไม่มีทางเลือก จะชอบหรือจะชัง ยุคทองของรัฐสวัสดิการที่รัฐโอบอุ้มดูแลผู้คนได้ผ่านไปแล้ว ตอนนี้ไม่มีรัฐกับประชาชนอีกต่อไปเหลือเพียงแค่ ตลาดกับผู้ประกอบการ อันเป็นจุดเริ่มต้นของการทำลายระบบรัฐสวัสดิการในยุโรป รวมถึงการขยายอำนาจทุนทั่วทั้งโลก การย้ายฐานการผลิต แทรกแซงกลไกทางการเมืองและกฎหมายในประเทศกำลังพัฒนาเพื่อให้ดำเนินนโยบายต่างๆ เอื้อต่อกลุ่มทุนข้ามชาติ เศรษฐีพันล้านเพิ่มขึ้นมากมาย ผู้คนถูกดึงเข้าสู่ระบบการสะสมทุนแบบใหม่ ซึ่งหมายถึงชั่วโมงการทำงานที่หนักอึ้ง หนี้สินเพื่อเข้าถึงสวัสดิการพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา ที่อยู่อาศัย น้ำ ไฟ การเดินทาง ความบันเทิงล้วนถูกยึดครองโดยกลุ่มทุน เวลานับสิบปี ชุมชนในประเทศยากจนเสียทรัพยากรธรรมชาติ ผู้คนทำงานหนักมากขึ้น แต่ยากจนลง แต่กลุ่มทุนการเงิน กลุ่มทุนเทคโนโลยี และทุนข้ามชาติมั่งคั่งมากขึ้นมหาศาล ต้นศตวรรษที่ 21 กระแสความไม่พอใจที่สะสม การลุกฮือของผู้คนก่อนหน้านี้ คลื่นกระแสการเปลี่ยนแปลงมาถึงในลาตินอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นขบวนการชาวนาไร้ที่ดิน (Zapatista) ในเม็กซิโกที่ขัดขืนต่อการเข้ามาควบคุมทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ การลุกฮือนัดหยุดงานในหลายพื้นที่ และการปูพื้นฐานการก้าวสู่อำนาจของพรรคการเมืองฝ่ายซ้าย ไม่ว่าจะเป็น ฮูโก ชาเวซ ของเวเนซูเอลา โฮเซ มูฮิกา จากอุรุกวัย และที่สำคัญ ลูลา ดาซิลวา