วรภพ วิริยะโรจน์: คุยเรื่องกระจายอำนาจ เพื่อผาสุขของประชาชน

หลังจากร่าง ปลดล็อกท้องถิ่น ของคณะก้าวหน้า ถูกตีตกในชั้นรัฐสภา ทั้งที่มีประชาชนร่วมลงชื่อถึง 80,772 รายชื่อ เราน่าจะพอพูดได้ว่าสิ่งนี้คืออีกครั้งของการฉุดรั้งประเทศไทยไว้กับรัฐราชการรวมศูนย์ เสียงของประชาชนอาจยังดังไม่พอที่จะเปลี่ยนความต้องการอันชอบธรรมให้เป็นเสียงโหวตมากพอในสภา หรือไม่อย่างนั้น อาจคิดไปได้ว่า ผู้มีอำนาจบางส่วนทำราวไม่ได้ยินเสียงของประชาชน บทสัมภาษณ์ชิ้นที่ท่านกำลังจะอ่านต่อไปนี้ บันทึกในวันที่ร่างปลดล็อกท้องถิ่นของคณะก้าวหน้า ถูกนำเข้าสู่สภาเพื่อพิจารณา ขณะที่บทสนทนาดำเนินไป ไม่มีใครรู้ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร ผมนัดพบกับ วรภพ วิริยะโรจน์ ผู้แทนราษฎรจากพรรคก้าวไกล อีกคนหนึ่งที่เชื่อว่าการกระจายอำนาจจะนำพาซึ่งการพัฒนาท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพ ตรงตามความต้องการของพี่น้องประชาชน และแน่นอนว่าจะเป็นกลไกสำคัญของการนำประเทศไปสู่ความเป็นรัฐสมัยใหม่ เรานัดพบกันที่สัปปายะสภาสถาน ซึ่งหมายถึง สภาที่มีแต่ความสงบร่มเย็นทางธรรม ก็ต้องกล่าวตามจริงว่ารัฐสภาแห่งนี้มีความสงบร่มเย็นตามความหมาย แถมยังโอ่อ่าหรูหรา ขณะที่ผมกำลังเดินไปห้องที่คุณวรภพเตรียมไว้เป็นสถานที่พูดคุย ในใจก็ได้แต่คิดว่า รวมถึงความสงบร่มเย็นนี้ด้วยหรือเปล่า ที่เราควรให้เกิดการกระจายไปทั่วหนแห่งในประเทศ คิดว่าการปลดล็อกท้องถิ่นจะเกิดขึ้นได้จริงไหม เราเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้จริง อยู่ที่เจตจำนงของประชาชน คือถ้าประชาชนเลือกพรรคการเมืองที่ผลักดันเรื่องนี้อย่างจริงจัง ผมคิดว่าเรื่องเกิดขึ้นได้ ต้องมีรัฐบาลประชาธิปไตยก่อนหรือไม่ ปลดล็อกท้องถิ่นถึงจะเกิดจริง จำเป็นอย่างมาก ผมว่ามันตรงไปตรงมา ถ้าเป็นรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากประชาชน เขาต้องการรวบอำนาจเพราะเขาต้องการมั่นใจว่าทุกองคาพยพของภาครัฐ เขาสามารถสั่งการได้ ดังนั้นการกระจายอำนาจจึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลเผด็จการทั่วโลกไม่ต้องการ เห็นชัดสุดก็เกาหลีเหนือที่รวบอำนาจอย่างเข้มข้น แน่นอนว่าถ้าเขาไม่ได้มาจากความชอบธรรมที่ประชาชนเลือกมา เขาก็ต้องทำให้ตนเองสั่งการได้ทุกอย่าง ซึ่งจะทำแบบนั้นได้ก็ต้องรวบอำนาจกลับเข้ามา ดังนั้นการได้รัฐบาลเป็นประชาธิปไตยคือทางเดียวที่จะทำให้การกระจายอำนาจเกิดขึ้นได้ ถ้าเพื่อไทยแลนด์สไลด์ ปลดล็อกท้องถิ่นจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ มีโอกาส ผมยังอยากใช้คำว่ามีโอกาส