หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนของญี่ปุ่น โดยสถานะใหม่ด้วยการประกาศความเป็นมนุษย์ ของ พระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ สละสถานะของพระองค์เอง โดยประกาศว่า เขาไม่ใช่พระเจ้าและแนวคิดเรื่องความเป็นพระเจ้าของจักรพรรดินั้นไม่เป็นความจริง ณ วันที่ 1 มกราคม 1946
อำนาจของจักรพรรดิจำกัดอยู่แต่ทางพิธีการ รัฐธรรมนูญ ค.ศ. 1947 มาตรา 4 ระบุว่า “จักรพรรดิทรงปฏิบัติกิจที่เกี่ยวข้องกับราชการแผ่นดินตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญนี้เท่านั้น และไม่ทรงมีอำนาจในราชการแผ่นดิน”
ส่วนมาตรา 3 ก็ระบุว่า “กิจของจักรพรรดิที่เกี่ยวเนื่องกับราชการแผ่นดิน ต้องเป็นไปตามคำแนะนำและความยินยอมของคณะรัฐมนตรี และให้คณะรัฐมนตรีรับผิดชอบกิจดังกล่าว”
หลังจากนั้นจักรพรรดิญี่ปุ่นได้รับการป่าวประกาศว่าเป็นสัญลักษณ์แห่ง เอกภาพของประชาชนชาวญี่ปุ่น ด้วยรัฐะรรมนูญใหม่ ว่า “จักรพรรดิจะเป็นสัญลักษณ์ของรัฐและความสามัคคีของประชาชน” ตามที่ระบุไว้อย่างชัดเจนในมาตรา 4 ของรัฐธรรมนูญ ที่ระบุอย่างชัดเจนว่า จักรพรรดิไม่มีอำนาจเกี่ยวข้องกับรัฐบาล
นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงของจักรพรรดิญี่ปุ่นที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลกกว่า 200 ปี ได้ออกจากอำนาจทางการเมืองและการบริหารและส่งต่อกระจายอำนาจไปสู่รัฐบาล และกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นที่เคลื่อนนโยบายและโครงการต่างๆ
แม้ว่าจักรพรรดิของญี่ปุ่นจะไม่มีอำนาจทางการเมือง และสามารถแสดงความคิดเห็นต่อการเมืองและการบริหารของรัฐบาลได้ จักรพรรดิมีความหมายสำหรับประชาชนในเชิงสัญลักษณ์ และเป็นส่วนสำคัญของสังคมของญี่ปุ่นที่ผลต่อโครงสร้างทางสังคมของประเทศให้เป็นปึกแผ่น ที่มีการออกสื่อสาธารณะเป็นพักๆ
แม้ว่าการมีอยู่ของสถาบันจักรพรรดินั้นมีประชาชนที่มีความรู้สึกแตกต่างกันเป็นกลุ่มๆ ไป มีทั้งกลุ่มที่สนับสนุน กลุ่มที่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นและ กลุ่มที่ต่อต้านสถาบันจักรพรรดิอย่างเปิดเผย เป็นเรื่องปกติที่แสนธรรมดาในสังคมญี่ปุ่น
เพราะ จักรพรรดิภายใต้รัฐธรรมนูญ การวิจารณ์-ตำหนิ-ประท้วง-ต่อต้าน จึงไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายในประเทศญี่ปุ่น
อย่างกลุ่มที่คิดต่างอย่างเปิดเผยที่เรียกตัวเองว่า เครือข่ายต่อต้านระบอบจักรพรรดิ (Han-Tennōsei Undō Renraku Kai) หรือ ที่ใช้ชื่อย่อว่า ฮันเท็นเร็น (Hantenren)
นายโนะมุระ จาก กลุ่มฮันเท็นเร็น ได้กล่าวต่อ บีบีซีไทย ว่า “ผมเห็นว่ารัฐบาลและตำรวจได้พยายามใช้อำนาจหลายด้านต่อประชาชน ดังนั้นถ้าไม่ทำลายวงจรนี้ ภาคประชาชนจะไม่สามารถเคลื่อนไหว ได้อย่างเสรี”
เขาได้เริ่มต่อต้านรัฐบาล ระบอบจักรพรรดิตั้งเเต่สมัยเป็นนักศึกษา ในช่วงปี 1970 กลุ่มได้ออกมาร่วมต่อต้านแนวคิดดังกล่าว แต่กลับถูกตำรวจใช้ความรุนเเรงในการปราบปราม และได้ตระหนักว่า ญี่ปุ่นมีกลไกที่มีจุดประสงค์เพื่อรักษาระบบจักรพรรดิเอาไว้
อีกทั้งคำที่ว่า จักรพรรดิทรงเป็นคนดี ทรงรักในสันติสุข และ พระองค์ทรงเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพสิ่งทั้งหมดเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่รัฐบาลพยายามสร้าง เพื่อหลวกลวงประชาชนมาหลายสิบปีแล้ว
นายโนะมุระยังได้แสดงความคิดเห็นด้วยว่า จักรพรรดิอาจจะเป็นคนดีแต่ถูกทหารหลอกใช้ ดังนั้นเขาจึงมีเจตนารมณ์ที่จะตีแผ่ความจริง เพื่อแก้ไขประวัติศาสตร์ที่ถูกบิดเบือนให้ถูกต้องเพื่อให้สังคมเกิดการเปลี่ยนแปลง
แม้การสละราชสมบัติในเดือนเมษายน ปี 2019 ของ สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ พระชนมพรรษา 85 พรรษา ของพระองค์เองยังต้องผ่านการเห็นชอบจากรัฐสภา เพราะไม่เคยมีการสละราชสมบัติมาก่อนแม้ด้วยปัจจัยทางสุขภาพก็ตาม
แต่จักรพรรดิยังมีความสำคัญทางจิตใจต่อประชาชนชาวญี่ปุ่นและพวกเขาได้ร้องขอถวายคำมั่นว่าจะมุ่งมั่นทำงานเพื่ออนาคตอันรุ่งเรืองของญี่ปุ่น
หลังจากนั้น สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะได้มีพระปัจฉิมบรมราชโองการต่อพสกนิกรเป็นครั้งสุดท้ายในฐานะสมเด็จพระจักรพรรดิว่า
ในวันนี้ ข้าพเจ้าได้สิ้นสุดภารกิจในฐานะสมเด็จพระจักรพรรดิ และอยากจะแสดงความขอบคุณต่อถ้อยคำที่นายกรัฐมนตรีได้กล่าวต่อข้าพเจ้าในฐานะตัวแทนของประชาชน
30 ปีก่อน ข้าพเจ้าได้เริ่มปฏิบัติภารกิจในฐานะพระจักรพรรดิ ข้าพเจ้าขอขอบคุณด้วยใจจริงต่อประชาชนที่ให้การยอมรับและสนับสนุนการทำหน้าที่ในฐานะสัญลักษณ์ของรัฐบาลมาโดยตลอด
การส่งต่อให้ สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ ทรงปฏิญาณว่าจะเป็นหนึ่งเดียวกัน และพระองค์ได้ให้ถ้อยแถลงสั้นๆ ว่า พระองค์ทรงสัญญาจะทำงานเพื่อประโยชน์ของชาวญี่ปุ่น เป็นเรื่องที่น่าสนใจของสังคมญี่ปุ่นที่จักรพรรดิองค์ใหม่จะมีบทบาทสำคัญในการพูดแทนประชาชนที่รัฐบาลอาจจะรับฟัง ทั้งนี้ทั้งนั้นการตัดสินใจยังอยู่ที่รัฐบาลอยู่ดี
แน่นอนว่าบทบาทจักรพรรดิได้ถูกย้ำอีกครั้ง ไม่มีอำนาจทางการเมือง บทบาทส่วนใหญ่เป็นพิธีการและเกี่ยวข้องกับหน้าที่ต่างๆ เช่น การทักทายบุคคลสำคัญจากต่างประเทศ และการเข้าร่วมกิจกรรมทางวัฒนธรรมและสาธารณะ
และมีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญบางอย่าง เช่น การเปิดรัฐสภา แต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคณะรัฐมนตรี และจักรพรรดิถูกห้ามมิให้ออกแถลงการณ์ทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญที่ได้ประกาศไว้
จนกระทั่งวันที่ 1 พฤษภาคม 2019 รัฐบาลญี่ปุ่นตัดสินใจเลือกคำจำกัดความตามคำกล่าวของกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่นว่า เรวะ (Reiwa) ที่หมายถึง ความปรองดองที่สวยงาม เป็นการต่อยอดจากความสำเร็จนี้ในการเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ และเป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนถึงทิศทางการบริหารประเทศในสมัยของอดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชินโซ อาเบะ (Shinzo Abe) จากพรรคลิเบอรัลเดโมแครต (LDP) ที่มีเป้าหมายเพื่อนำพาประเทศ ด้วยนโยบาย Abenomics หรือการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ เพื่อหวังให้ญี่ปุ่นหลุดจากภาวะเงินฝืด ในสมัยนั้น
ต่อมา นายฟูมิโอะ คิชิดะ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่น วัย 64 ปี เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ มาจากพรรคเดียวกันกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชินโซ อาเบะ มาสานต่อเพื่อนำพาประเทศญี่ปุ่นไปในทิศทางที่ก้าวไกลยิ่งกว่าเดิม พร้อมรับมือความท้าทายต่างๆ ด้วยเจตจำนงอันเข้มแข็งและแน่วแน่
การยืนเคียงข้างประชาชนและไม่ได้จับต้องอำนาจการบริหารประเทศ เป็นอิสรภาพที่แท้จริงที่จักรพรรดิได้แสดงออกเป็นการกระทำ จักรพรรดิญี่ปุ่นเป็นเพียงผู้เฝ้ามองและให้ความคิดเห็น แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ความคิดเห็นแต่มีความสำคัญที่รัฐจะรับฟัง เป็นจุดที่ทำให้เห็นว่าจักรพรรดิของประเทศชาติญี่ปุ่นเป็นสัญลักษณ์จุดรวมใจของคนทั้งชาติ
ในสถานะของจักรพรรดินั้นไม่ได้มีอำนาจในการบริหารประเทศ ประชาชนคาดหวังต่อว่าจักรพรรดิคือตัวแทนของประชาชนและพึ่งพาได้เป็นเสียงที่สำคัญต่อระบบอำนาจและการบริหารของรัฐบาลในประเทศนี้
อ้างอิง
กลุ่ม Hantenren ที่คิดต่างอย่างเปิดเผย – “เครือข่ายต่อต้านระบอบจักรพรรดิ”
Emperor Hirohito Steps Foot on US Soil https://youtu.be/HbVWAjUPQDk
The enduring value of Japan’s emperor
จักรพรรดิญี่ปุ่น
Japan’s Parliament and other political institutions – Think Tank
Japanese Emperor Akihito announced his plans to retire
While attempting to relieve an ailing emperor of his duties, new legislation raises questions about the future of Japan’s monarchy.
Japan government approves bill to allow 1st abdication of emperor in 200 years https://www.todayonline.com/world/asia/japan-government-approves-bill-allow-1st-abdication-emperor-200-years
กฎหมาย The Imperial House Law