มันเป็นชีวิตที่ไม่มีอิสระครับ
TIGER King แร็ปเปอร์หนุ่มจากเมืองปั่น รัฐฉาน หนึ่งในสมาชิกวง Triple Edge ให้คำจำกัดความชีวิตเด็กผู้ชายแห่งรัฐฉานให้ผมฟัง เรานั่งคุยกันหลังเวทีคอนเสิร์ต Mob party 2022 ขณะที่หน้าเวทีผู้คนนานาชาติกำลังเต้นระบำไปกับเพลงโกรธของเด็กหนุ่มผู้เติบโตและงอกเงยมาจากสลัม


มันคือ ซาวนด์ ออฟ คลองเตย ของ Elevenfinger ผู้ที่กำลังสบถถึงความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในยุคสมัยของตนเองบนเวทีคอนเสิร์ต ในภาพยนตร์สารคดีเรื่อง School Town King เขาไม่ใช่เด็กดีของระบบการศึกษาและเลือกที่จะออกจากคอกที่ขังความฝันของเขา ก่อนที่ประเทศนี้จะถีบให้ชีวิตของ บุ๊ค-ธนายุทธ ณ อยุธยา และเพื่อน ออกมาเป็นอาวองการ์ด ยืนประจันหน้ากับความอยุติธรรม เขาและเพื่อนถูกแจ้งข้อหามีวัตถุระเบิดในครอบครองในช่วงที่เยาวชนออกมาชุมนุมทางการเมือง แต่ข้อเท็จจริงเป็นเพียงพลุและระเบิดควัน

ที่หลังเวที นน ปล่อยให้ AKA – TIGER King ของเขา ถูกขังอยู่ในกรงเหมือนเสือในสวนสัตว์ เขาขอพักบทบาทแร็ปเปอร์ชั่วคราว คืนนี้จึงไม่มี TIGER King บนเวทีร่วมกับเพื่อนกลุ่ม Triple Edge
“ช่วงนี้ผมไม่มีเรื่องราวที่จะเล่าเลยครับ มันแล้วแต่ฟีลและข่าวสารที่เรารับ” TIGER King หรือ นน บอกให้ผมฟังถึงเหตุผลของการหยุดพักชั่วคราว
อีกประมาณ 30 นาที นนจะเดินทางไปทำงานในเวลา 22.00 นาฬิกา เขาเป็นดีเจเปิดเพลงในบาร์โฮสต์แห่งหนึ่งในเมืองเชียงใหม่ “เพลงที่ผมเปิดจะเป็นแนวตื๊ดๆ เพลงแนวแดนซ์ แนว EDM มันเป็นบาร์ที่คนจะไปต่อกัน” นน บอก
เขาแวะมาให้กำลังใจเพื่อนและศิลปินฮิปฮอปที่เดินทางมาจากหลายเมืองเพื่อแสดงคอนเสิร์ตระดมเงินช่วยเหลือผู้อพยพหนีภัยสงครามจากประเทศพม่า


ถนนกลางคืนของเชียงใหม่ถูกประดับด้วยดวงไฟแห่งเทศกาล แสงสีนานาสะท้อนอยู่บนใบหน้าของเมือง ใบหน้าของเชียงใหม่ไม่สามารถจำกัดไว้ในกรอบของเชื้อชาติไทย แต่รูปหน้าของเชียงใหม่คือพหุใบหน้าอันหลากหลาย ผู้คนจากทั่วโลกเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในช่วงเทศกาล มีไม่น้อยเดินทางเร่ร่อนมาใช้ชีวิต Nomad digital ผู้คนพื้นเมืองอยู่ร่วมกับผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์ รวมถึงผู้คนที่อพยพหนีภัยสงครามข้ามมาจากประเทศพม่า
นน หรือ อ่องเมียะเป็นหนึ่งในนั้น เขาเดินทางจากเมืองปั่น รัฐฉาน ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ เช่นเดียวกับเด็กชายแห่งรัฐฉาน พวกเขาอพยพตามพ่อแม่ข้ามมาแสวงหาโอกาสในชีวิตและเสรีภาพของการเป็นมนุษย์คนหนึ่ง
ผมมาจากเมืองปั่น ไม่ไกลอำเภอฝาง เกิดในครอบครัวชาวนา หมู่บ้านอยู่ในชนบท ทหารพม่าเข้ามารุกราน พวกเราต้องทิ้งบ้านทิ้งนาเข้ามาอยู่ในเมือง จนกระทั่งพ่อกับแม่ตัดสินใจขายที่ดินเพื่อเดินทางเข้ามาอยู่ไทย
เขายังคงจดจำค่ำคืนเดินเท้าเป็นกองคาราวานผ่านช่องทางธรรมชาติเพื่อลักลอบเข้าเมืองได้ดี มันเป็นค่ำคืนยาวนาน มืดสนิท หายใจเข้าออกเป็นความกลัว
“เราเดินเท้ากันทั้งคืนเลยครับ เราเดินขึ้นดอย กว่าจะข้ามมาฝั่งไทยก็เช้า ตอนนั้นผมอายุ 6 ขวบ พ่ออุ้มผมพาดบ่า พอเราเดินมาถึงถนนใหญ่ มีรถผ่านมาเราต้องรีบหลบเข้าข้างทาง”
ชีวิตเริ่มต้นใหม่ในสวนส้มอำเภอฝาง หลบๆ ซ่อนๆ จากเจ้าหน้าที่รัฐ และอาจรวมถึงความฝันของตนเอง
กระทั่งพ่อแม่ได้บัตรสีชมพู ชีวิตก็ดีขึ้น ผมก็ได้เรียนที่ไทย เรียนถึง ป.4 ตอนอายุ 11 พราะผมไม่กล้าไปโรงเรียน
ผมนึกถึง จ๋ายจอมแลง เพื่อนชาวไทใหญ่ที่กำลังเต้นรำอยู่หน้าเวทีคอนเสิร์ตในคืนนี้ เขาเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ตอนอายุ 11 ขวบ ทั้งที่ตัวโตกว่าใครในชั้นเรียน แต่จ๋ายจอมแลงก็ถูกเพื่อนวัย 6 ขวบกลั่นแกล้ง และยังถูกการศึกษาไทยโบยตีด้วยการสอนให้เกลียดชาติพันธุ์ตนเอง


หลังจากเข้าเรียนชั้น ป.4 อ่องเมียะต้องเดินทางตามพ่อแม่กลับรัฐฉาน เพราะพี่สาวของเขาไม่สบาย เมื่อกลับบ้านเกิด ชีวิตก็ต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
ผมบวชเณร 4 ปี จากนั้นก็สึกและข้ามกลับมาไทย เพราะไม่มีงานและกองทัพชาติพันธุ์เริ่มมีการเก็บศึก ยาเสพติดก็เยอะ พ่อแม่เป็นห่วง ก็เลยส่งข้ามมาเมืองไทย
เขาลักลอบเข้าเมืองครั้งที่สอง จากเด็กอายุ 6 ขวบในคืนนั้น นนกลายเป็นเด็กหนุ่มอายุ 17 ปี ไม่มีพ่อแม่เดินทางมาด้วย เขาไม่ใช่เด็ก 6 ขวบที่ต้องให้พ่ออุ้มพาดบ่าอีกต่อไปแล้ว แต่ก็ยังไม่เติบโตพอที่จะให้ความช่วยเหลือผู้ใด หรืออุ้มใครไว้บนบ่า
ระหว่างทางที่เดินเท้าในคืนนั้น เขาคิดถึงบ้านที่จากมา ตอนที่ต้องจากเชียงใหม่กลับบ้านเกิด ก็คิดถึงเมืองแปลกหน้าอย่างเชียงใหม่ เหมือนชีวิตถูกสาปให้พลัดพรากและคิดถึง
“คิดถึงบ้าน เพราะเราก็ได้ใช้ชีวิตที่นั่นหลายปี มีเพื่อนที่นั่น ตอนผมอายุ 11 และต้องกลับรัฐฉาน ผมก็คิดถึงเชียงใหม่ ไม่อยากข้ามกลับ เราคลุกคลีที่ไหนนานๆ ก็จะชินกับที่นั่น”
“ตอนนั้นเข้าใจสถานการณ์ดีขึ้นมั้ย ทำไมชีวิตต้องเป็นแบบนี้”
“ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก รู้แค่ว่าต้องทำงานหาเงิน มีความฝันอยากได้รถมอเตอร์ไซค์ เพราะอยู่ที่บ้านไม่มีโอกาสหาเงินซื้อรถหรอกครับ อยากได้รถในฝั่งไทย ก็ตั้งเป้าว่ามาทำงานเก็บเงิน” นน บอก
เริ่มงานแรกในโรงงานผลิตคลอรีน แต่ทำได้เพียง 5 วัน ก็ลาออก แน่นอนว่าเขามีสิทธิ์เลือกทางเดินให้ชีวิต “ผมอยากจะทำงานที่ช่วยพัฒนาศักยภาพเรา ให้ไปได้ไกลกว่านี้ครับ”
หลังจากนั้นจึงย้ายไปสันกำแพง ที่นั่นเขาทำงานในร้านสเต็กได้ 3 เดือน ก่อนที่ร้านจะปิดปรับปรุง หลังจากนั้นหอบชีวิตใส่กระเป๋าอีกครั้ง ย้ายเข้าเมืองมาเป็น รปภ. แต่ทำงานที่นี่ได้เพียง 5 เดือน ก็ต้องลาออก
“ตอนนั้นผมไม่มีบัตร เขาให้ผมย้ายจุดประจำการบ่อย ปัญหาคือผมไม่มีบัตร มันก็ทำให้ทำงานไม่ได้ ผมก็เลยขอลาออก หลังจากนั้นผมไปทำงานในร้านอาหารบนถนนนิมมานเหมินทร์ เพราะผมรู้ภาษาไทย เขียนได้พูดได้ เสิร์ฟอาหาร 1 ปี หลังจากนั้นออกมาอยู่ร้านอาหารฝรั่ง ผมอยู่ที่นี่นานพอสมควร หลังจากนั้นออกมาอยู่ร้านกาแฟ ที่นี่ผมเจอกานจี”

เขาหมายถึงเพื่อนผู้ผลักดันให้เขาเขียนเรื่องราวในชีวิตออกมาเป็นเพลง ซึ่งอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เขาและกานจี จะก่อตั้งกลุ่มฮิปฮอปที่ใช้ชื่อ Triple Edge และร่วมกันทำเพลง Borda Boiz ที่เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับผู้คนสองฝั่งไทย-พม่า (สามารถรับชมรับฟังได้ที่ https://youtu.be/ndz7GCqK_Ow )
“แต่ตอนนั้น ผมแร็ปไม่เป็น ไม่รู้จัก ไม่ชอบด้วย กานจีถามว่าผมเป็นคนไทใหญ่ใช่มั้ย เขาอยากเห็นคนไทใหญ่เล่าเรื่องราวบ้านเกิดของตนเอง ผมก็เลยลองเขียนไรม์ เพลงแรกชื่อ Borda Boiz ตอนนั้นผมแร็ปไม่ตรงบีท ไม่ตรงบาร์ แต่กานจีก็ให้กำลังใจผมตลอด”
“พวกเราอยากพูดถึงเรื่องการเมืองครับ” กานจี บอกให้ผมฟังถึงอุดมการณ์ของกลุ่ม Triple Edge เขาเป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดคอนเสิร์ตระดมเงินช่วยเหลือผู้อพยพลี้ภัยจากพม่าในค่ำคืนนี้

“พวกเราคิดว่าเพลงฮิปฮอปมีศักยภาพที่จะสื่อเรื่องราวเหล่านี้
ฮิปฮอปมีศักยภาพที่จะพูดเรื่องที่ผู้คนและสังคมลืมว่ามีปัญหานี้อยู่บนโลก
“มีคนที่อพยพหนีภัยสงครามข้ามมาอยู่ร่วมกับคุณในเมืองแห่งนี้ ชีวิตเขาเจออะไรมาบ้าง เราอยากพูดถึงสถานการณ์ในชีวิตของคนที่อพยพลี้ภัย อย่าดูถูกคนที่ข้ามมา เพราะคุณไม่รู้ว่าชีวิตข้างหลังของเขามีอะไร”

Triple Edge คือกลุ่มศิลปินฮิปฮอป ประกอบด้วยแร็ปเปอร์กว่า 16 คน การนำเสนอความจริงเกี่ยวกับปัญหาในภูมิภาคและท้องถิ่นคือเป้าหมายในการทำเพลงของพวกเขา สมาชิกหลายคนมาจากประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังมีแร็ปเปอร์ชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ไทใหญ่ และชาวพื้นเมือง
Triple Edge เริ่มต้นโดย กานจี หรือ KYI และ นน (TIGER King) และแร็ปเปอร์ชาวเชียงรายและชาวปะกาเกอญอ พวกเขาเผยแพร่เพลงและวิดีโอหลายรายการผ่าน YouTube หัวข้อต่างๆ ถูกเล่าผ่านเพลง ตั้งแต่ประเด็นเกี่ยวกับผู้ลี้ภัยชาวพม่าไปจนถึง LGBT และสิทธิสตรี
“ผู้คนยังคงข้ามเขตชายแดนเข้ามาแสวงหาโอกาสของชีวิตครับ พวกเขายังข้ามเข้ามาตลอด” ระหว่างเล่า คล้ายกับมีพืชพันธุ์ซานติวา (สายพันธุ์กัญชา) ออกฤทธิ์ในดวงตาของกานจี แต่ก็มุ่งมั่นที่จะเล่าถึงตัวตนในเพลงของตนเอง
“มีการสู้รบในฝั่งนั้น ชีวิตไม่ปกติ เขาต้องการความช่วยเหลือ ดูเหมือนว่าผู้คนกำลังลืมเรื่องนี้ โลกโฟกัสที่ยูเครน อิหร่าน ผมคิดว่าเราอย่าไปฝากความหวังไว้ที่ International community เพราะเพื่อนๆ ของผม คนในชุมชนเล็กๆ ของพวกเรา ต่างช่วยเหลือเพื่อนที่อยู่ฝั่งนู้นมาตลอด หลายคนส่งเงินกลับไปสนับสนุน หลายคนส่งอาหาร ให้ที่พักแก่ผู้ข้ามมา
“ถ้าเราสร้างชุมชนที่คอยช่วยเหลือคนที่ข้ามมา หาที่พัก หางาน ให้พวกเขาได้รับโอกาสที่ดี มันจะช่วยให้พวกเขาใช้ชีวิตไม่ยากเกินไปนัก แต่ผมไม่อยากให้คนที่กำลังลุกขึ้นสู้เพื่อยืนหยัดปกป้องบ้านของตนเองเสียกำลังใจ ทุกคนอยากกลับบ้าน แต่มันไม่สงบสักที ผมอยากจะช่วยทั้งคนที่ตัดสินใจหนีข้ามมาที่นี่ และคนที่ตัดสินใจสู้อยู่ที่บ้านด้วย” กานจี เล่า อาวุธของเขาคือเพลงฮิปฮอป

ผู้คนที่มาในงานคืนนี้ต่างมีความตระหนักในปัญหาความรุนแรงในพม่า สินค้าไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มและอาหาร ที่วางขายภายในงาน ต่างก็ตระหนักถึงปัญหาสิทธิมนุษยชน การผูกขาดทรัพยากร ทั้งในฝั่งไทยและพม่า
กานจีและเพื่อนกลุ่ม Triple Edge กำลังแสดงบนเวที คืนนี้พวกเขาไม่ได้นำเพลง Borda Boiz ขึ้นไปเล่น เพราะเจ้าของไรม์ในรัฐฉานนั่งอยู่กับผมที่หลังเวที และคืนนี้เขาขอเชียร์เพื่อนอยู่หน้าเวที
“ในเพลง Borda Boiz ผมเขียนเล่าเรื่องการอพยพข้ามมาฝั่งไทยครับ”
นนบอกถึงไรม์ที่เขาเขียนถึงชีวิตของตนเอง ซึ่งเป็นพิมพ์เดียวกับชีวิตของเด็กผู้ชายจากรัฐฉาน
“ผมเล่าว่าที่บ้านของผมเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทำไมเราต้องข้ามมาทำงานที่เชียงใหม่ ก็เพราะการอยู่ที่รัฐฉาน กองทัพชาติพันธุ์ต่อสู้กันตลอด ไหนจะความโหดร้ายของทหารพม่า เราอยู่ลำบาก งานไม่มีทำ หากคุณเป็นเด็กผู้ชาย เมื่อโตขึ้นกองทัพชาติพันธุ์จะมาเก็บศึกไปเป็นทหาร ผมเล่าเรื่องความยากลำบากเหล่านี้ในเพลง เล่าชีวิตเด็กผู้ชายที่อยู่รัฐฉาน ล่าสุดเพื่อนของผมเพิ่งตายไปในสงครามที่เขาไม่ได้อยากเข้าร่วม”

ใกล้จะสี่ทุ่มแล้ว เราแยกย้ายจากกัน นนต้องเดินทางไปเปิดเพลงในบาร์ที่ทำงานอยู่ ก่อนจะบอกลากัน ผมถามเขาว่า เขาได้ครอบครองมอเตอร์ไซค์คันที่อยากได้หรือยัง
“ไม่เอาแล้วครับ มีสิ่งที่ใหญ่กว่า ผมจะเอาสิ่งนั้น”
เราบอกลากัน ผมไม่อยากถามเขาต่อ ว่าสิ่งนั้นคืออะไร
.
ขอคนละ ‘1 ชื่อ’ ให้เกิน ‘5 หมื่น’ ตามกฎหมายกำหนด ชวนผู้มี ‘สิทธิ์เลือกตั้ง’ ลงชื่อในร่างเลือกตั้งผู้ว่าทั่วประเทศ ที่ https://thevotersthai.com/support-us-signature/ เมื่อกดลิงค์เข้าไป กรุณากรอกให้ครบทั้ง 5 อย่าง ชื่อ-นามสกุล / เลขประจำตัวประชาชน / อีเมล / ติ๊กข้าพเจ้าขอรับรองความสมัครใจ / เซ็นชื่อ / เเละกดส่งชื่อ / ด้านล่างจะมีสรุปสาระสำคัญของร่าง และลิงค์ร่างฉบับเต็ม