สุพิชฌาย์ ชัยลอม: อำนาจนิยมในโรงเรียน การกระจายอำนาจ และการเลือกผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ

“ในโรงเรียน ระบบอำนาจนิยมเกิดจากคน 2 กลุ่ม คือคุณครู บุคลากรในโรงเรียนที่มีอำนาจมากกว่า และกลุ่มนักเรียนที่มีอำนาจน้อยกว่าค่ะ อำนาจนิยมทำให้เกิดการกดขี่ต่างๆ จนนำไปสู่การริดรอนสิทธิ”

เมนู สุพิชฌาย์ ชัยลอม

โลกโซเชียลรู้จัก สุพิชฌาย์ ชัยลอม หรือ เมนู หนึ่งในกลุ่มเยาวชนผู้เคลื่อนไหวกิจกรรมทางการเมืองครั้งแรกปลายเดือนสิงหาคม 2562 จากการปราศรัยบนเวที #มอชองัดข้อเผด็จการ

“หนูคือสิ่งที่ระบบการศึกษาเรียกว่าความผิดพลาด!” เธอประกาศ

หลังจากนั้น เมนูปราฏตัวบ่อยหนในหน้าสื่อและบนเวทีการชุมนุมหลายแห่ง และประมาณบ่าย 3 ของวันที่ 28 เมษายน 2565 เธอไลฟ์ผ่านเฟสบุ๊คว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาพบถึงที่พัก

จากสิ่งที่เธอประกาศบนเวทีในวันวานว่าเป็นสิ่งผิดพลาดของระบบการศึกษา วันนี้เราคุยกับเมนูว่า อะไรกันแน่ที่พลาดผิด

ได้ยินบ่อยเรื่องอำนาจนิยมในโรงเรียน มันคืออะไร

อำนาจนิยมคือระบบที่ทำให้คนบางกลุ่มสามารถควบคุม บังคับ โน้มน้าวคนอีกกลุ่มได้แม้ว่าคนกลุ่มนั้นจะพอใจหรือไม่พอใจค่ะ ซึ่งระบบนี้เกิดจากหลายๆ ปัจจัย ทั้ง อายุ อาชีพ เพศ ตำแหน่ง หน้าตา และเป็นระบบที่มีอยู่ในทุกๆ สังคม

ในโรงเรียน ระบบอำนาจนิยมเกิดจากคน 2 กลุ่ม คือคุณครู บุคลากรในโรงเรียนที่มีอำนาจมากกว่า และ กลุ่มนักเรียนที่มีอำนาจน้อยกว่าค่ะ อำนาจนิยมทำให้เกิดการกดขี่ต่างๆ จนนำไปสู่การริดรอนสิทธิ

เช่น การบังคับเรียนวิชาต่างๆ ทำให้ขาดประสิทธิภาพในการเรียนรู้เพราะไม่มีการประเมินหลักสูตรที่ถูกต้อง กฎระเบียบการแต่งกายที่ไม่จำเป็นทำให้เกิดการริดรอนสิทธิในร่างกายนักเรียน หรือการทำโทษโดยทำร้ายร่างกายและจิตใจ เป็นต้น

ครูเปรียบเสมือนพ่อแม่คนที่ 2 ชุดความคิดเเบบนี้ มีปัญหาอย่างไร รวมถึงบางคนมองว่า เด็กสมัยใหม่จะตีตนเสมอผู้ใหญ่ อยากอธิบายไหม

ชุดความคิดนี้มีปัญหาอยู่ที่ ‘สถาบันครอบครัว’ และวัฒนธรรมทางความคิดเกี่ยวกับครอบครัวมาตั้งแต่ต้น สังคมไทยมักมีค่านิยมหรือชุดความคิดเกี่ยวกับครอบครัวที่ริดรอนสิทธิของคนเป็นลูก เช่น ลูกคือสมบัติของพ่อแม่ พ่อแม่ต้องถูกเสมอ ลูกต้องรู้จักกตัญญู

ชุดความคิดนี้ทำให้ขาดพื้นที่แห่งการรับฟังซึ่งกันและกัน ทำให้เกิดความห่างเหินในครอบครัว พ่อแม่มักวาดอนาคตและกำหนดเส้นทางชีวิตให้ลูก ทำให้ความต้องการของคนเป็นลูกจริงๆ ไม่ถูกรับฟัง และถูกปฏิบัติเหมือนสมบัติชิ้นหนึ่ง

นอกจากนี้ยังทำให้พ่อแม่ขาดพื้นที่ในการทำผิดพลาดด้วย ซึ่งพ่อแม่ก็คือคนคนหนึ่งที่สามารถทำผิดพลาดในการอบรมสั่งสอนหรือผิดพลาดในการใช้ชีวิตได้เหมือนกัน

จึงนำไปสู่อีโก้และการไม่รับฟังลูก เพราะถูกปลูกฝังมาว่าพ่อแม่ถูกต้องเสมอ หรือผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน ชุดความคิดพวกนี้คืออีกหนึ่งอำนาจนิยมในครอบครัว

คำว่า เด็กสมัยใหม่จะตีตนเสมอผู้ใหญ่ จึงเป็นประโยคที่สะท้อนความรู้สึก ‘ถูกสั่นคลอนอำนาจ’ ของผู้ใหญ่ และสะท้อนให้เห็นว่า สังคมไม่เคยเปิดพื้นที่แห่งการรับฟัง ทุกๆเสียงที่ออกมาจากเด็กที่มีอำนาจน้อยกว่า จึงเปรียบเสมือนการเถียง การตีตนเสมอผู้ใหญ่

การลงโทษเด็กที่ประพฤติตัวไม่ดี อย่างไหนเราถึงยอมรับได้ แบบไหนรับไม่ได้เลย

ในการลงโทษเยาวชนนั้น ควรมีความละเอียดอ่อนมากๆ เพราะการที่เยาวชนหรือเด็กคนหนึ่งจะกระทำความผิดนั้นๆ ได้ แปลว่าเด็กคนนั้นต้องเห็น หรือถูกสั่งสอน หรือพบเจอประสบการณ์ที่ทำให้เขาเลือกจำทำผิดแบบนั้น

หากจะลงโทษเด็กหรือเยาวชน เราต้องรับรู้และทำความเข้าใจถึงประสบการณ์ที่เด็กพบเจอหรือเรียนรู้มาให้ได้ และหาวิธีรับมือกับสิ่งนั้น เป็นการลงโทษด้วยความเข้าใจเด็ก ไม่ใช่การลงโทษด้วยอารมณ์ ความรุนแรง ปราศจากการรับฟัง นั่นคือสิ่งที่เรารับไม่ได้

ร่าง พ.ร.บ. ว่าด้วยสิทธิมนุษยชนผู้เรียนฯ สำคัญอย่างไร

ในระบบการศึกษามีหลายบทบาทมาก ซึ่ง ผู้เรียน เป็นอีกหนึ่งบทบาทที่สำคัญและได้รับประโยชน์จากสิ่งนั้น การมี ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยสิทธิมนุษยชนผู้เรียน จะทำให้ผู้เรียนซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบในระบบการศึกษา ได้ประโยชน์สูงสุดเท่าที่ตนเองควรมี เช่น สิทธิในร่างกาย สิทธิในการเรียน สิทธิในการเรียกร้อง

การกระจายอำนาจอยู่ในทุกประเด็น เพราะการเมืองอยู่ในทุกสิ่งในชีวิตเรา เรื่อง ‘ทรงผม’ – ‘เครื่องแบบ’ เองก็ตาม ถ้ามีการกระจายอำนาจจริง เป็นประชาธิปไตยจริง เราสามารถส่งเสียงเรียกร้องได้ ตรงนี้มองอย่างไร

ระบบอำนาจนิยมเปรียบเหมือนตราชั่งที่ไม่เท่ากันค่ะ เป็นคุณครูที่มีอำนาจมากกว่าเด็กที่มีอำนาจน้อยกว่า หากมีการกระจายอำนาจแล้ว เรื่องกฎระเบียบการแต่งกายรวมถึงทรงผมซึ่งเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อนักเรียน ต้องถูกรับฟังและปรับเปลี่ยน

นักเรียนต้องสามารถเรียกร้องยกเลิกกฎระเบียบทรงผมได้ และบุคลากรการศึกษาต้องนำเสียงของนักเรียนมารับฟังและปรับปรุงแก้ไข ความต้องการของทั้ง 2 ฝ่ายต้องถูกรับฟังอย่างเท่าเทียมกัน ถึงจะเรียกว่ามีการกระจายอำนาจค่ะ

คิดอย่างไรกับการ เลือกตั้งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ

เป็นอีกหนึ่งการกระจายอำนาจที่ช่วยเพิ่มบุคลากรในแต่ละพื้นที่ รวมถึงชนบทด้วย เพื่อนำมาพัฒนาและปรับปรุงพื้นที่นั้นตามความต้องการของประชาชนในแต่ละพื้นที่

จะดีมากๆ ถ้าผู้ว่าฯ แต่ละจังหวัดมาจากเสียงของประชาชนและรับฟังเสียงของประชาชนจริงๆ

#เลือกตั้งผู้ว่าทั่วประเทศ หลังยื่น กมธ.กระจายอำนาจฯ ให้ปฏิรูปโครงสร้างการปกครอง จนมีมติส่งเรื่องให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง กระทรวงมหาดไทย เราจะเดินหน้ายื่นหนังสือและรายชื่อต่อพรรคการเมือง โปรดติดตามการเคลื่อนไหวสำคัญนี้

Author

  • บรรณาธิการ The Voters อดีตบรรณาธิการ WAY MAGAZINE ยุคสิ่งพิมพ์ ผู้ตั้งแคมเปญรณรงค์ #เลือกตั้งผู้ว่าทั่วประเทศ และกระจายอำนาจ นักประพันธ์เจ้าของรวมเรื่องสั้น ฝนโปรยปรายใต้มงกุฎ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *