กัญชาเสรี เสรีแค่ไหน

ข้าพเจ้าผู้เขียน เป็นหนึ่งในผู้ใช้สารสกัดจาก กัญชา ในทางการแพทย์ ดังนั้น สัมภาษณ์ชิ้นนี้ จึงมิได้มีเจตนาด้อยค่าคุณประโยชน์ของพืชชนิดนี้

9 มิถุนายน 2565 คือวันปลดล็อคเสรี 16 มิถุนายน มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม บ้างว่านี่คือช่วงสุญญากาศ ฝ่ายผู้บังคับใช้กฎหมายจำต้องอาศัยจินตนาการด้วยกฎหมายอื่นมาใช้บังคับร่วม ทั้ง พ.ร.บ.การสาธารณสุข การตั้งวางจำหน่ายบนทางเท้า ไปจนถึงกฎหมายการคุ้มครองเด็ก

ภาพ: เฟซบุ๊ค Suphachai Jaismut

ข่าวด้านลบของกัญชามีให้ได้อ่านได้ยินเนืองๆ ศุภชัย ใจสมุทร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย และประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. … หนึ่งในแม่ทัพร่วมผลักดันนโยบายปลดล็อกกัญชาจนเกิดเป็นรูปธรรม ให้สัมภาษณ์ WAY MAGAZINE ว่า

“เสรีแล้วไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะเป็นอิสระ อย่างในสหรัฐอเมริกามีประมาณ 40 รัฐที่คล้ายกับว่ามีกัญชาเสรี แต่ความเสรีของแต่ละรัฐก็ไม่เท่ากัน เพราะมีกฎหมายภายใน (State Law) ต่างกันไป บางรัฐอาจจะอนุญาตให้คนท้องถิ่นปลูกหรือใช้ประโยชน์จากกัญชาได้ บางรัฐก็ปล่อยให้ใช้เพื่อนันทนาการ แต่นั่นเป็นเพียง State Law แต่ในภาพรวมทั้ง 50 รัฐต้องอยู่ใต้ Federal Law ซึ่งกฎหมายใหญ่อันนี้ยังจัดให้กัญชาเป็นยาเสพติดอยู่”

ภาพ: เฟซบุ๊ค Suphachai Jaismut

จาตุรนต์ ฉายแสง โพสต์ว่า ขณะนี้น่าจะเกิดความโกลาหลอย่างมากสำหรับข้าราชการเจ้าหน้าที่ทั้งของกระทรวงสาธารณสุขและตำรวจว่าจะปฏิบัติอย่างไรต่อกัญชาจึงจะไม่ขัดต่อกฎหมาย

หลังจากที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ายกกัญชาออกจากยาเสพติด โดยไม่มีมาตรการรองรับ รมต.สาธารณสุขก็เลยรีบออกประกาศกำหนดให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม

ในประกาศนี้อ้างอำนาจตาม พรบ.คุ้มครองและส่งเสริมการแพทย์แผนไทย พศ.2542 มาตรา 4 , 44 และ 45

มาตรา 4 บอกว่า รมต.เป็นผู้รักษาการตามพรบ.นี้ ส่วนมาตรา 44 และ 45 เป็นมาตราเกี่ยวกับการกำหนดให้พืชใดเป็นสมุนไพรควบคุมและการคุ้มครองสมุนไพร ทั้ง 2 มาตรานี้ไม่มีบทลงโทษ

จาตุรนต์วิเคราะห์เจตนาของการออกประกาศอยู่ที่ข้อ 2 คืออนุญาตให้ผู้ที่มีอายุต้ังแต่ 20 ขึ้นไปสามารถครอบครอง ใช้ประโยชน์ ดูแล เก็บรักษา ขนย้าย จำหน่ายกัญชาได้ ยกเว้นการกระทำดังต่อไปนี้

(1) การใช้ประโยชน์ในที่สาธารณะโดยการสูบ
(2) การใช้ประโยชน์กับสตรีมีครรภ์หรือสตรีให้นมบุตร
(3) การจำหน่ายให้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์หรือสตรีให้นมบุตร

แต่ล่าสุดมีหนังสือจากกระทรวงสาธารณสุขไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้จับกุมดำเนินคดีกับผู้ไม่ขออนุญาตวิจัยหรือส่งออกสมุนไพรควบคุมหรือจำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรเพื่อการค้า ซึ่งเป็นความผิดมาตรา 46 พรบ.เดียวกัน

การทำน้ำกัญชา สกัดกัญชา ทำขนมผสมกัญชาหรือขายหรือแม้แต่ให้กัญชาหรืออะไรที่มีส่วนผสมของกัญชาโดยไม่ขออนุญาตเสียก่อน เป็นความผิดและจะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด เกือบจะเรียกว่าหักล้างประกาศของรัฐมนตรีก็ว่าได้

ล่าสุด สธ.ขอคืนหนังสือที่ส่งไปสตช.แล้ว โบ้ยไปเรื่องช่อดอก ซึ่งเป็นคนละเรื่องเดียวกัน คุณจาตุรนต์ว่า แสดงถึงความสับสน กระทรวงสาธารณสุขควรจะรีบปรึกษาหารือกันเพื่อทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง ทางที่ดีคือร่วมกันหาทางออกที่ถูกต้องเหมาะสม

ข้าพเจ้าสัมภาษณ์ พีระพจน์ พึ่งธรรมสุจริต ผู้ใช้กัญชาในเชิงสันทนาการ ด้วยคำถามที่สังคมคาใจ

มีข้อกังวลจากสังคมตอนนี้ว่า ถ้าหากคนสูบกัญชาแล้วไปขับรถ จะเดือดร้อนผู้อื่น ถ้ากินเหล้ายังมีกฎหมายเมาแล้วขับ ตรงนี้มีข้อเสนออย่างไร

ควรมีกฎหมาย ‘เฉพาะ’ เพื่อควบคุมดูแลในส่วนนี้ครับ และแน่นอนว่าควรต้องเข้มข้นกว่ากฎหมายควบคุมแอลกอฮอลล์ เพราะถ้าคนเคยใช้กัญชาจะทราบว่า ตอนใช้กัญชาการควบคุมร่างกายนั้นลำบากกว่าการอยู่ใต้ฤทธิ์สุรามาก

ร่างกายพร้อมจะหลับตลอดเวลา ประสาทสัมผัสก็ผิดเพี้ยนจากปกติ ความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมีมากกว่าแน่นอน เสี่ยงกว่าอย่างมากด้วย แต่น่าเศร้า ในความเป็นจริงแล้ว บ้านเราตอนนี้ยังถกเถียงกันอยู่เลยว่าปริมาณ thc ในเลือดเท่าไหร่จึงเรียกว่าเมากัญชา

จำได้ว่าเคยมีคดีคนเมากัญชาแล้วขับรถชนคนตาย ปรากฎว่า ไม่มีกฎหมายรองรับ เหมือนลักษณะเมาแอลกอฮอลล์แล้วขับ ณ เวลานั้น ผู้ก่อเหตุยังคงมีความผิดฐานครอบครองและเสพกัญชาอยู่

แต่ปัจจุบันถ้าเมากัญชาแล้วขับรถชนคนตาย โทษเบากว่าเมาแอลกอฮอลล์อีก เพราะยังไม่มีกฎหมายรองรับในส่วนนี้ (แถมเอาผิดฐานครอบครองและเสพกัญชาก็ไม่ได้แล้วด้วย) นี่แสดงถึงความไม่พร้อมและรีบเกินไปจนผิดสังเกตในการปลดล็อคกัญชาของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง

มีหมอออกมาบอกว่าถ้าขายเสรีแบบนี้จะทำลายสมองเด็ก ตรงนี้มองอย่างไรครับ

แน่นอนครับว่า สมองของเด็กๆ รวมถึงวัยรุ่นที่ยังไม่โตเต็มวัยนั้นยังเจริญเติบโตพัฒนาไม่เต็มที่ หากการเข้าถึงกัญชานั้นง่ายเกินไป ซื้อง่าย ขายคล่อง นึกจะใช้เมื่อไหร่ก็ได้ ใครจะใช้ก็ได้ เละแน่นอนครับ มีผลกระทบแน่นอน

คนใช้กัญชาประจำจะทราบดีว่า ตอนใช้กัญชาความคิดอ่านมันจะเชื่อมโยงอะไรแบบเป็นเหตุเป็นผลปกติไม่ค่อยได้ มันจะมีตรรกะแปลกๆ พิศดารๆ เหมือนตอนเรากำลังฝันน่ะครับ ควบคุมความคิดตนเองลำบากกว่าปกติ

จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่เด็กหรอกครับ แม้แต่ผู้ใหญ่ก็มีผลกระทบหากใช้อย่างไม่ถูกต้อง ในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคนด้วย ว่ากันแบบตรงๆ ขนาดผู้ใหญ่ยังเละอ่ะครับ ไม่ใช่แค่เด็กๆหรอก (หัวเราะ)

มีเสียงไม่เห็นด้วยในเรื่องการมาผสมในอาหาร โดยไม่รู้สัดส่วน thc ตรงนี้จะควบคุมอย่างไร

ผมว่าคนส่วนใหญ่ไม่ทราบว่า การเสพกัญชาด้วยการกิน แม้จะออกฤทธิ์ช้ากว่าการสูบประมาณ 1-2 ชั่วโมง แต่เวลาเมา จะเมาหนักและนานกว่าการสูบประมาณ 3-5 เท่า ก่อนอื่นเลยต้องมีการให้ความรู้กับประชาชนในส่วนนี้ก่อน และเรื่องการควบคุมนั้น ควรกำหนดเป็นมาตรการชัดเจนไปเลยว่า

หากใส่ในอาหารเพื่อขายแล้ว ผู้ขายจำเป็นต้องระบุอย่างชัดเจน มีปริมาณ thc ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด 0.2 อะไรก็ว่าไป โชว์ให้ผู้บริโภคเห็นก่อนเลย อาจทำเป็นฉลาก nutrition fact แบบในผลิตภัณฑ์อื่นๆ หรือจะทำเป็นคำเตือนตัวโตๆ แบบบุหรี่ก็ได้

อย่างน้อยต้องมีการเตือนผู้บริโภคว่า เออ อันนี้มีกัญชานะ และมันจะเกิดผลอย่างไรบ้างหลังจากบริโภค แล้วให้ผู้บริโภคนำข้อมูลนั้นๆ มาประกอบการตัดสินใจว่าจะบริโภคหรือไม่ ไม่ใช่นึกจะเอาไปใส่ในก๋วยจั๊บ ก๋วยเตี๋ยวเรือ แล้วมาตั้งขายโดยคนมากินไม่ทราบว่ามีกัญชา อย่างนี้อันตรายควรมีมาตรการเฉพาะเพื่อเอาผิดทางกฎหมายครับ

ในกฏหมายบอกว่า สารสกัด thc จากกัญชาในทางการใช้เพื่อการแพทย์ ห้ามเกิน 0.2 ซึ่งบางความเห็นบอกว่า ต้องทำในห้องแล็ปเท่านั้น ชาวบ้านทำเองไม่ได้ อย่างนี้จะเป็นการผูกขาดให้รายใหญ่ไหม

เรื่องนี้ผมมองว่า นอกจากจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนใหญ่แล้ว ยังอาจเป็นช่องทางให้กับเจ้าหน้าที่หาเรื่องข่มขู่รีดไถเงินได้อีกด้วยครับ ผมว่าถ้าไม่ได้ใช้กระบวนการทางแล็ป thc ก็เกินกว่า 0.2 แน่นอน

เพราะชาวบ้านธรรมดาคงไม่มานั่งวัดหรอกครับว่ามีปริมาณ thc อยู่เท่าไหร่ มีแต่นายทุนรายใหญ่ระดับอุตสาหกรรมเท่านั้นแหละที่จะได้ผลประโยชน์จริงๆ จากตรงนี้

สังคมที่มีความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและเศรษฐกิจมากอย่างไทย ถ้าเปิดเสรีแบบนี้ คนอาจยังไม่พร้อมในการใช้ มองยังไง

เรื่องความเหลื่อมล้ำนั้นก็เรื่องนึง (ซึ่งมีผลแน่นอนในการเข้าถึงทรัพยากรและองค์ความรู้ในด้านต่างๆ) แต่ตรงนี้ผมมองว่า แม้ต่อให้ไม่ได้พิจารณาในมิติเรื่องความเหลื่อมล้ำ คนส่วนใหญ่ ผมเน้นคำว่าส่วนใหญ่เลย ไม่พร้อมในการใช้กัญชา ยังมีความเข้าใจผิดอยู่อย่างมากเกี่ยวกับกัญชา ยิ่งถ้ามองเรื่องความเหลื่อมล้ำด้วยแล้ว สุดท้ายผลกระทบด้านลบมีโอกาสเกิดกับทุกระดับชั้นครับ ไม่เฉพาะรากหญ้าเท่านั้น

ผมมองว่าการกระจายอำนาจอยู่ในทุกประเด็นของสังคม เรื่องการปลดล็อกกัญชาก็เช่นเดียวกัน ตรงนี้มีมุมมองอย่างไรครับ

มองเรื่องนี้ในแง่ของโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากรและเศรษฐกิจครับ ถ้ามีมาตรการรองรับและให้ความรู้กับประชาชน ผลประโยชน์และโอกาสทางเศรษฐกิจก็สามารถกระจายสู่ชุมชนท้องถิ่นได้

ในทางกลับกันหากทุกอย่างไม่ได้ดำเนินการอย่างเหมาะสมและรัดกุมเพียงพอ แทนที่ผลประโยชน์จะกระจายสู่คนหมู่มาก อาจกลายเป็นว่าเม็ดเงินกลับไหลรวมมากระจุกอยู่กับคนกลุ่มเล็กๆ คือกลุ่มที่ครองอำนาจและกลุ่มทุนใหญ่ ที่กระจายสู่ชุมชนจะกลายเป็นความชิบหายแทน

ขอทิ้งท้ายเรื่องการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศนิดนึงครับ มีความคิดเห็นอย่างไร

เห็นด้วยครับ ควรกระจายอำนาจให้ประชาชนส่วนท้องถิ่นในแต่ละภูมิภาคได้มีส่วนในการกำหนดอนาคต กำหนดนโยบาย ผ่านการเลือกตั้งผู้มีอำนาจสั่งการสูงสุดในแต่ละจังหวัดด้วยตนเองครับ

ให้กลไกกระบวนการประชาธิปไตยดำเนินตามวิถีของมันอย่างเต็มรูปแบบไปเลย มีการเลือกตั้ง คัดค้าน ถ่วงดุล ตรวจสอบ หากผลงานดีก็ได้รับเลือกในสมัยต่อไป หากผลงานแย่ก็ไปเลือกคนอื่น กระจายอำนาจให้ประชาชนกำหนดเอง ไม่ใช่รวบอำนาจแบบปัจจุบัน

#เลือกตั้งผู้ว่าทั่วประเทศ หลังยื่น กมธ.กระจายอำนาจฯ ให้ปฏิรูปโครงสร้างการปกครอง จนมีมติส่งเรื่องให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง กระทรวงมหาดไทย

เราจะเดินหน้ายื่นหนังสือและรายชื่อต่อพรรคการเมือง โปรดติดตามการเคลื่อนไหวสำคัญนี้


Author

  • บรรณาธิการ The Voters อดีตบรรณาธิการ WAY MAGAZINE ยุคสิ่งพิมพ์ ผู้ตั้งแคมเปญรณรงค์ #เลือกตั้งผู้ว่าทั่วประเทศ และกระจายอำนาจ นักประพันธ์เจ้าของรวมเรื่องสั้น ฝนโปรยปรายใต้มงกุฎ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *